Last updated: 17 พ.ย. 2566 | 170 จำนวนผู้เข้าชม |
เช็คเครื่องยนต์ ว่าพร้อมใช้งานหรือไม่?
เริ่มต้นจากการตรวจสอบเลขเครื่องว่าตรงกับในเล่มทะเบียนรถ และในหน้าบันทึกเจ้าหน้าที่มีการเปลี่ยนเครื่องยนต์มาหรือเปล่า
เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการโดนสวมทะเบียน จากนั้นลองสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วฟังว่ารอบเครื่องยนต์นั้นเดินปกติหรือไม่มีเสียงอะไรที่ผิดปกติหรือเปล่า สังเกตดูที่สีของควันที่ออกมาจากท่อไอเสียหากปล่อยควันขาว ๆ ออกมามาก แสดงว่าเครื่องยนต์หลวม และถ้าเป็นควันดำ แสดงว่าเกิดจากการเผาไหม้ไม่หมดนั่นเอง
เช็กตัวถัง ว่ายังมีสภาพดีอยู่หรือไม่?
เริ่มจากการตรวจสอบเลขตัวถังว่าตรงกับในเล่มทะเบียนหรือไม่ จากนั้นลองดูลักษณะของตัวถังหรือ Chassis ว่ามีรอยต่อหรือดัดแปลงมาหรือเปล่า ถ้ามีรถอาจเคยเกิดอุบัติเหตุมาก่อน
ที่สำคัญตัวถังต้องไม่เป็นสนิมหากรถคันนี้เป็นรถที่มีอุปกรณ์เป็นตู้แช่เย็นจะต้องเช็กเป็นพิเศษ เพราะสนิมจะส่งผลทำให้มีปัญหาต่อโครงสร้างรถในระยะยาวได้ สุดท้ายต้องดูว่ามีคราบน้ำมันที่มาเกาะตามจุดต่าง ๆ ของตัวรถหรือไม่ วิธีนี้จะทำให้เห็นการรั่วซึมของน้ำมันต่าง ๆ ในรถได้
เช็กระบบเกียร์
ฟันเฟืองเกียร์เปรียบเสมือนหัวใจในการขับเคลื่อน อันดับแรกลองเช็กให้ชัวร์เสียก่อนว่ารถบรรทุกที่ท่านกำลังจะซื้อนั้นเป็นเกียร์ประเภทไหนถึงจะเลือกใช้ได้ถูกต้อง เหมาะกับสภาพการใช้งานของเรา จากนั้นลองเข้าเกียร์ว่าทุกเกียร์เข้าง่าย ลื่น หรือไม่ลองเหยียบคลัทช์แล้วไม่รู้สึกว่าลึกจนเกินไป หากลึกมากอาจเป็นอาการของคลัทช์ที่ใกล้จะหมดแล้ว สุดท้ายถ้าจะให้ดีลองขับให้ครบทุกเกียร์จะดีที่สุด
เช็กความพร้อมของอุปกรณ์เสริม เลือกใช้ให้เหมาะสมกับการใช้งาน
อุปกรณ์ที่ติดมากับตัวรถก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญ เพราะต้องดูความพร้อมว่าอุปกรณ์นั้นสามารถใช้งานได้ปกติหรือไม่ มีส่วนไหนชำรุดหรือเป็นสนิมหรือไม่ เพื่อให้พร้อมสำหรับการใช้งาน
7 เม.ย 2566
7 เม.ย 2566
7 เม.ย 2566